Author: Jennifer Hansen

ในปัจจุบันนี้ร่างกายของเรานั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนหลายๆสิ่งหลายอย่างนั้นเราควรที่จะใส่ใจในเรื่องของสุขภาพของตนเองให้มากๆเพราะการที่ร่างกายของเรานั้นแข็งแรงก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพื่อที่ว่าหลายๆสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่เราควรที่จะหันมาสนใจและใส่ใจอย่างมากที่สุด ในปัจจุบันนี้ประกันชีวิตนั้นจะมีหลายแบบให้เราได้เลือกซื้อกันอย่างมากส่วนมากก็จะอยู่ที่แผนในการเลือกซื้อทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งเลยที่เราไม่ควรมองข้ามผ่าน การที่เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็.แรงนั้นก็จะยิ่งทำให้เรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและร่างกายก็มีความชำนาญมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย เรื่องของสุขภาพหลายๆคนจะคิดว่าไม่สำคัญขอบอกเลยว่าคิดผิดแล้วสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งการที่เรามีสุขภาพที่ดีเราต้องรู้จักดูแลตัวเองหมั่นกินอาหารที่ดีมีประโยชน์และมีความสะอาด การที่เรารับประทานแต่ของที่ดีนั้นก็จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่ต้องมาทนทรมานเจอโรคต่างๆ การที่ไม่มีโรคนั้นเป็นลาภอันประเสริฐแล้ว เรื่องของสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ดี การเลือกซื้อประกันชีวิตนั้นเราก็ต้องเลือกแต่สิ่งที่ดี เมื่อเราเลือกประกันชีวิตให้ตรงกับความต้องการของเราแล้วนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เราประสบความสำเร็จแล้วเพราะเมื่อเราป่วยหรือไม่สบายหรือเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่จะทำให้เราต้องเสียชีวิตนั้นก็เป็นเรื่องที่เราไม่ควรปล่อยให้ประกันชีวิตขาด ทุกอย่างนั้นสามารถที่จะกำหนดด้วยตัวเอง เราสามารถที่จะเลือกคุ้มครองตัวเราเองได้ง่ายๆโดยที่เราไม่ต้องกังวลใจการเลือกทำประกันชีวิตในปัจจุบันนี้นั้นสามารถเลือกที่จะทำได้อย่างง่ายๆเลยเพียงแค่เราสมัครกับทางธนาคารหรือตัวแทนทำประกันชีวิตเพียงเท่านี้ก็จะทำให้ร่างกายของเรามีชีวิตที่ดีมากขึ้นอีกด้วย โดยในตอนนี้การเลือกทำประกันชีวิตนั้นก็สามารถที่จะนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วยซึ่งบอกเลยว่าเราไม่มีการเสียผลประโยชน์อย่างแน่นอน สุขภาพของเรานั้นสำคัญอย่างมากที่สุดหากเรามีสุขภาพที่ดีก็จะอายุยืนมากยิ่งๆขึ้นไปอีกด้วยแต่ถ้าหากเรามีสุขภาพร่างกายที่แย่และไม่แข็งแรงร่างกายของเราก็จะมีความแทรกซ้อนในโรคต่างๆที่จะทำให้ตัวเราเองนั้นแย่มากขึ้นไปอีกถึงบอกว่าการดูแลสุขภาพพร้อมกับการทำประกันชีวิตนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากที่สุดเลยก็เป็นได้

“ขาโก่ง” หรือภาวะขาโก่ง (ภาษาอังกฤษ : Bowlegs) เป็นภาวะทีขาทั้งสองข้างมีรูปร่างโค้งงอ จนไม่สามารถทำให้หัวเข่าข้างซ้ายและขวามาแตะกันได้ตามปกติ ภาวะนี้มักเกิดขึ้นกับเด็กแรกเกิดที่อายุต่ำกว่า 18 เดือน สาเหตุที่มักเกิดกับเด็กแรกเกิดนั้นเป็นเพราะว่า เมื่อตอนที่เด็กยังอยู่ในครรภ์ของมารดาพวกเขาอยู่ในท่าที่ขดตัวจึงส่งผลต่อรูปร่างของขาหลังจากที่คลอดออกมาแล้วด้วย แต่อย่างไรก็ดี หลังจากที่เด็กเติบโตขึ้นและอยู่ในวัยที่หัดเดินและเริ่มที่จะต้องแบกรับน้ำหนักตัว ขาของเด็กจะค่อยๆ เหยียดตรงและไม่โค้งโก่งอีกต่อไป ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่พ่อแม่หรือผู้ใหญ่จะต้องดัดขาเด็กหรือพยายามทำให้ขาเด็กเหยียดตรงก่อนวัยอันควร แต่ถ้าหากสภาวะขาโก่งนั้นไม่หายไปหลังจากที่เด็กสามารถเดินได้แล้ว นั่นเป็นสัญญาณว่าเด็กคนนั้นอาจจะมีความผิดปกติที่ส่งผลให้ขายังคงโก่งอยู่แม้ว่าจะเลยวัยหัดเดินมาแล้ว ซึ่งต้นเหตุหรืออาการป่วยที่ก่อให้เกิดสภาวะขาโก่งนั้นสามารถจำแนกออกมาเป็น 5 หัวข้อหลักๆ ดังนี้ กระดูกขาเจริญเติบโตอย่างผิดปกติ “สภาวะขาโก่งแบบต่างๆที่ควรรู้”

ปัจจุบัน ใน 4 จังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทย กำลังเกิดวิกฤตโรคหัดระบาด สืบเนื่องมาจากประชาชนบางกลุ่มได้รับข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆ เกี่ยวกับการฉีดวัคซีน ก่อให้เกิดการต่อต้านวัคซีนและไม่ยอมพาลูกหลานไปฉีดวัคซีนอย่างที่ควรจะเป็น เชื้อไวรัสโรคหัดจึงแพร่กระจาย ทำให้เด็กๆ ในภาคใต้หลายคนต้องทนทุกข์ทรมานกับการติดเชื้อไวรัสโรคหัด หนำซ้ำผู้ป่วยด้วยโรคหัดบางรายในภาคใต้ที่เสียชีวิตไปแล้วก็มี บทความตอนนี้จะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักและเข้าใจกับโรคหัด ว่าเพราะเหตุใดจึงเป็นโรคที่อันตรายและสมควรที่จะป้องกันไม่ให้ลูกหลานของเราต้องเป็นโรคนี้ โรคหัด หรือ Measles เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสรูบิโอลา (rubeola virus) ซึ่งสามารถแพร่กระจายและติดต่อผ่านทางอากาศได้ โดยเชื้อไวรัสจะแพร่กระจายออกมาเมื่อผู้ป่วยมีอาการไอหรือจาม นอกจากนี้ยังเชื้อไวรัสยังสามารถแฝงมากับสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลายหรือน้ำมูก “โรคหัด อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม”

“ขาโก่ง” หรือภาวะขาโก่ง (ภาษาอังกฤษ : Bowlegs) เป็นภาวะทีขาทั้งสองข้างมีรูปร่างโค้งงอ จนไม่สามารถทำให้หัวเข่าข้างซ้ายและขวามาแตะกันได้ตามปกติ ภาวะนี้มักเกิดขึ้นกับเด็กแรกเกิดที่อายุต่ำกว่า 18 เดือน สาเหตุที่มักเกิดกับเด็กแรกเกิดนั้นเป็นเพราะว่า เมื่อตอนที่เด็กยังอยู่ในครรภ์ของมารดาพวกเขาอยู่ในท่าที่ขดตัวจึงส่งผลต่อรูปร่างของขาหลังจากที่คลอดออกมาแล้วด้วย แต่อย่างไรก็ดี หลังจากที่เด็กเติบโตขึ้นและอยู่ในวัยที่หัดเดินและเริ่มที่จะต้องแบกรับน้ำหนักตัว ขาของเด็กจะค่อยๆ เหยียดตรงและไม่โค้งโก่งอีกต่อไป ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่พ่อแม่หรือผู้ใหญ่จะต้องดัดขาเด็กหรือพยายามทำให้ขาเด็กเหยียดตรงก่อนวัยอันควร แต่ถ้าหากสภาวะขาโก่งนั้นไม่หายไปหลังจากที่เด็กสามารถเดินได้แล้ว นั่นเป็นสัญญาณว่าเด็กคนนั้นอาจจะมีความผิดปกติที่ส่งผลให้ขายังคงโก่งอยู่แม้ว่าจะเลยวัยหัดเดินมาแล้ว ซึ่งต้นเหตุหรืออาการป่วยที่ก่อให้เกิดสภาวะขาโก่งนั้นสามารถจำแนกออกมาเป็น 5 หัวข้อหลักๆ ดังนี้ กระดูกขาเจริญเติบโตอย่างผิดปกติ “สภาวะขาโก่งแบบต่างๆที่ควรรู้”